Monday, January 13, 2014

เหตุแห่งความเห็นต่าง และโปเยโปโลเย


ข้อแนะนำก่อนอ่าน** 
หากคิดว่าจะอ่าน โปรดอ่านให้จบ.. 
แต่หากคิดว่าอ่านไม่จบ ขอเชิญหาความสำราญได้จากโปเยโปโลเยค่ะ 
พระเอกมีบางมุมหน้าเหมือนคนติดยา แต่รวมๆถือว่าดีงามนะคะ (ยิ้ม)



13 ม.ค.57 - อีก 1 วันที่ (อาจ) ถูกบันทึกไว้ในตำราเรียนเด็กไทยในอนาคต
ว่ามวลมหาประชาชน กปปส. ได้ทำการ ชัตดาวน์ กรุงเทพมหานคร
จุดประสงค์เพื่อให้เกิดการ ปฏิรูปก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง..

มันมีอยู่ 1 เรื่องที่ดูจะเหมาะกับเหตุการณ์แตกแยกในประเทศเช่นทุกวันนี้
มั่นใจว่าคนที่กำลังอ่านบันทึกนี้อยู่ คงจะเคยมีประสบการณ์ทำโปรเจคหรือโครงการมาบ้าง
ลองทบทวนกันดูว่า ..
ในทุกๆโปรเจคไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนมีทั้ง "ข้อดีและข้อเสีย" 
ส่วนจะดีมากกว่าหรือเสียมากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้รับ-เสียผลประโยชน์จากโปรเจคนั้นๆ
หลักๆมักประกอบด้วย.. 

1. คนที่ได้เต็มที่ ถ้าไม่ได้จะเดือดร้อนมาก -> มองเห็นแต่ข้อดี ไม่สนใจข้อเสีย
2. คนที่ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร -> ถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้น ก็จะไม่มองหาข้อเสียเช่นกัน
3. คนที่ไม่ได้ไม่เสีย ไม่เกี่ยวอะไร -> สิ่งที่มองเห็นมักขึ้นอยู่กับคนรอบข้างและผู้ใกล้ชิด
4. คนที่เสียไม่มาก แต่ก็เสีย -> มองหาข้อเสียบ้าง และอยากทำลายข้อเสียนั้นให้หมดไป
5. คนที่เสียเต็มที่ และเดือดร้อนกับการเสียมาก-> มองเห็นแต่ข้อเสีย ไม่สนใจข้อดี

ยกตัวอย่างเช่น ..


  • 1.ลุงA ชื่นชมประชานิยม 30 บาท เพราะทำให้เขารอดพ้นจากการตาบอดจากต้อด้วยเงินแค่ 30 บาท ดังนั้นไม่ว่าจะอธิบายที่มาของเงินและเบื้องหลังใดใดที่เป็นข้อเสีย จะเหตุผลดีงามแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมรับฟังทั้งสิ้น
  • 2.ลุงB ใช้ประชานิยม 30 บาท รักษาอาการป่วยเล็กน้อย บางครั้งคิวยาวมาก ลุงเลยตัดสินใจไปใช้บริการระบบปกติ ค่าใช้จ่ายยังไม่แพงเท่าไหร่ พอจ่ายไหว ใครมาพูดข้อดี-เสียให้ฟัง ก็จะฟังทั้งสองอย่างแต่ไม่ได้มีนัยยะอะไร
  • 3.ลุงC ไม่จำเป็นต้องใช้ประชานิยม 30 บาท เพราะมีสวัสดิการจากที่ทำงานอยู่แล้ว จึงรับฟังทั้งข้อดี-ข้อเสีย ส่วนจะปักใจเชื่อ เทไปทางไหนมากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าได้รับสารในทางไหนมากกว่ากัน มักมีตัวแปรเป็นคนรอบข้างหรือคนใกล้ชิด
  • 4.ลุงD ใช้ประชานิยม 30 บาท รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายขาด เสียเวลา-สุขภาพจิต แต่ยังทำงานได้ปกติ ออกแนวรำคาญแต่ยังไม่กระทบต่อชีวิตมาก จะเห็นด้วยกับข้อเสียเป็นหลัก และต้องการปรับเปลี่ยนให้ทุกอย่างดีขึ้น
  • 5.ลุง E ใช้ประชานิยม 30 บาท รักษาโรคประจำตัว ผลข้างเคียงจากตัวยาส่งผลให้ลุงต้องพิการ คุ้มดีคุ้มร้าย สูญเสียหน้าที่การงาน สูญเสียรายได้ ดังนั้นไม่ว่าจะมีกี่ร้อยข้อดี ลุงก็จะมองไม่เห็นและไม่สนใจรับฟังอะไรทั้งสิ้น 
หรืออีกตัวอย่างเช่น​ ..
  • 1.ลุงF ชื่นชมประชานิยมเชคช่วยชาติ เพราะได้เอาเงินสองพันไปสมทบทุนรักษาอาการป่วยเรื้อรังของเมีย ดังนั้นไม่ว่าจะอธิบายที่มาของเงินและเบื้องหลังใดใดที่เป็นข้อเสีย จะเหตุผลดีงามแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมรับฟังทั้งสิ้น
  • 2.ลุงG ใช้ประชานิยมเชคช่วยชาติ แลกซื้อตู้เย็นใหม่ ทดแทนของเก่าที่ใช้มาสิบปี ใครมาพูดข้อดี-เสียให้ฟัง ก็จะฟังทั้งสองอย่างแต่ไม่ได้มีนัยยะอะไร
  • 3.ลุงH ไม่ได้เชคช่วยชาติ เพราะฐานเงินเดือนเกิน จึงรับฟังทั้งข้อดี-ข้อเสีย ส่วนจะปักใจเชื่อ เทไปทางไหนมากกว่า ก็ขึ้นอยู่กับว่าได้รับสารในทางไหนมากกว่ากัน มักมีตัวแปรเป็นคนรอบข้างหรือคนใกล้ชิด
  • ลุงI ใช้เชคช่วยชาติ แลกซื้อสินค้า แต่ด้วยความเข้าใจผิดบางอย่าง ทำให้สูญเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึก จะเห็นด้วยกับข้อเสียเป็นหลัก และต้องการปรับเปลี่ยนให้ทุกอย่างดีขึ้น
  • ลุงJ ใช้เชคช่วยชาติ แลกซื้อสินค้า แต่ด้วยความเข้าใจผิดบางอย่าง ทำให้ไม่เพียงสูญเงิน แต่ต้องเสียเงินเพิ่มอีก จนเป็นหนี้สินใหญ่โต ดังนั้นไม่ว่าจะมีกี่ร้อยข้อดี ลุงก็จะมองไม่เห็นและไม่สนใจรับฟังอะไรทั้งสิ้น 

ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โครงการ หรือ ตัวบุคคล มันมีทั้ง ข้อดีและข้อเสีย 
การที่คนจะปักใจเชื่อสิ่งใด มักขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในอดีตส่วนบุคคล
แมสเสจที่ได้รับจากคนที่เคารพ คนรอบข้าง คนใกล้ชิด แทบทั้งสิ้น
และสิ่งที่ตนได้หรือเสียนั้น มีมูลค่าใหญ่น้อยมากแค่ไหน

หากเข้าใจได้ถึงสิ่งเหล่านี้ ก็อาจจะลดความรุนแรงในจิตใจกับผู้เห็นต่างลงได้
การคิด ไม่รุนแรงเท่าการพูด และการพูดไม่รุนแรงเท่าการลงมือ

สุดท้ายนี้ อนาคตเป็นอย่างไร ยังไม่รู้
แต่หากชัตดาวน์ครั้งนี้สำเร็จ วอนยูสเซอร์ร่วมกันเซ็ตระบบต้านไวรัสใหม่ให้ดีด้วย
อย่าให้เป็นการเปลี่ยนผ่านไวรัสตัวเก่าสู่ไวรัสตัวใหม่เลย
เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน "เราทุกคนต่างตกเป็นเหยื่อด้วยกันทั้งสิ้น"

หมายเหตุ. 
- บทความนี้ไม่เหมารวมว่าทุกคนจะเป็นเช่นที่กล่าว
- บทความนี้จำเป็นต้องยกตัวอย่างโครงการใหญ่ที่รู้จักกันดีเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน
- บทความนี้ยาว เพราะต้องยกโครงการให้ครอบคลุมทั้ง 2 พรรคใหญ่ กันการลำเอียง
- บทความนี้มุ่งหวังที่จะลดกระแสความรุนแรงขัดแย้ง ชี้ให้เห็นถึงเหตุแห่งความเห็นต่าง



ผิดพลาดประการใดในข้อมูล โปรดแสดงความโต้แย้ง
เขียนด้วยความรู้สึกสวยมาก
ฆาฬิกุริสย์ ฆิคฆิคสะระณังว์

Wednesday, January 1, 2014

ขอบคุณปีที่ผ่านมา : What a wonderful world

1 มกราคม 2557 (10.27น.)
ย้ายบล็อคใหม่มาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ และขอเปิดโพสแรกด้วยเรื่องราวในปี 2556

1 ปีเต็ม กับการเริ่มต้นทำงานอิสระอย่างเป็นทางการ สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างมากคือ ...
เราหลุดพ้นจากวังวนที่เรียกว่างานประจำ
เราหลุดพ้นจากกิจกรรมเดิมๆที่เราทำทุกวัน
เราหลุดพ้นจากงานที่เรารักและมีความสุขทุกครั้งที่ทำ
และ เราหลุดพ้นจากรายรับที่สามารถการันตีได้ทุกเดือน

ทว่า ..
เราพบกับความท้าทายใหม่ๆในงานที่เราคิดว่าเราไม่ถนัด
เราพบกับตัวเราเอง รู้จักตัวเราเอง และมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น
เราพบกับคนใหม่ๆที่มีหลายๆอย่างให้เราได้เรียนรู้
เราพบกับงานที่เรายังไม่ค่อยรัก แต่เมื่องานเสร็จเรารู้สึกมีคุณค่า
เราพบว่าเรามีเวลามากขึ้น แต่ก็ยังใช้ได้อย่างไม่คุ้มค่านัก
เราพบว่าเรามีเงินมากขึ้น และก็ใช้เงินเหล่านั้นไปมากขึ้นและหมดไวขึ้นเช่นกัน
เราพบว่าถ้าเราวางแผนชีวิตของเราให้ดี เราจะผ่านแต่ละวันอย่างมีความสุข


และ ..
เราหวนกลับไปพบเจอคนเก่าๆกับงานเก่าๆที่เราชอบทำ
เราหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นได้ในโอกาสที่บ่อยขึ้น
เราหวนกลับไปให้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น

เราขอบคุณสิ่งที่เราเคยผ่านมา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีในสายตาเรา
แต่สิ่งเหล่านั้นทำให้เราเติบโต และมีมุมมองที่กว้างขวางขึ้น



ส่วนเป้าหมายในปี 2557 คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการพัฒนาตัวเองให้มีคุณค่ายิ่งขึ้น
และตอบคำถามให้ได้ว่า ..
1. ต้องทำอย่างไรถึงจะเหนื่อยน้อยลงแต่ได้คุณภาพและสนุกมากขึ้น
2. เป็นไปได้หรือไม่ ที่ทุนนิยมกับการรับใช้สังคม จะไปด้วยกันได้ แล้วต้องทำอย่างไร

แค่สองข้อก็ปวดสมองแล้ว เพราะต้องไม่ใช่แค่คิด 
แต่ต้องลงมือทำ และต้องทำให้ได้จริงด้วย

สวัสดี 2557 / 2014
การิกุส